ไอโฟนค้างกลางทางแก้ได้ใน 5 นาที? เรื่องจริงไม่จกตา


ไอโฟนค้างกลางทางแก้ได้ใน 5 นาที? เรื่องจริงไม่จกตา


ไอโฟนค้างเหรอ? อย่าเพิ่งหัวร้อน! มาดูวิธีแก้แบบง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้


กำลังไถฟีดเพลินๆ หรือดูซีรีส์ตอนสำคัญ แล้วจู่ๆ น้องไอโฟนก็เกิดอาการนิ่งสนิท จอดำ จอค้าง กดอะไรก็ไม่ไปต่อซะงั้น บอกเลยว่าเป็นอาการที่ช็อตฟีลสุดๆ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนตามไปด้วย!

แต่ใจเย็นๆ ไม่ต้องตกใจไปนะ ปัญหานี้เบสิกมาก วันนี้เรามีวิธีแก้แบบสเต็ปบายสเต็ปมาฝาก ลองทำตามดู รับรองว่าส่วนใหญ่น้องไอโฟนสุดที่รักจะกลับมาใช้งานได้ปกติแน่นอน!เอ๊ะ! แล้วทำไมไอโฟนอยู่ดีๆ ก็ค้าง?

ก่อนจะไปดูวิธีแก้ มาส่องสาเหตุกันแป๊บนึง ส่วนใหญ่มักจะมาจาก 5 เรื่องนี้แหละ:

เครื่องแค่อยากรีก่อน:
ใช้งานมาหนักๆ บางทีก็ต้องมีแฮงค์กันบ้าง

แบตจะหมดแล้วพี่จ๋า:
พลังงานใกล้หมด น้องก็ไม่มีแรงไปต่อ

เมมเต็มจนจะระเบิด:
ข้อมูลอัดแน่นเกินไปจนเครื่องทำงานไม่ไหว

แอปบางตัวไม่ถูกกับระบบ:
แอปที่เพิ่งลงอาจจะตีกับ iOS อยู่

iOS เก่าไปนิด:
ไม่ได้อัปเดตนานเกินไปก็อาจจะเกิดปัญหาได้

6 สเต็ปปลุกชีพไอโฟนให้กลับมาเหมือนเดิม

มาเริ่มกันเลย! ลองทำทีละข้อนะ

1. ท่าไม้ตายแรก: Force Restart (บังคับรีสตาร์ท)

วิธีนี้คือเบสิกสุดๆ และเวิร์กบ่อยมาก ไม่ต้องกลัวข้อมูลหายนะ แค่เป็นการเคลียร์ระบบที่รวนๆ เฉยๆ

iPhone 8 หรือใหม่กว่า (รวมถึง SE รุ่น 2, 3):

กดแล้วปล่อยปุ่ม เพิ่มเสียง เร็วๆ 1 ที

กดแล้วปล่อยปุ่ม ลดเสียง เร็วๆ 1 ที

กดปุ่ม Power (ด้านข้าง) ค้างไว้จนกว่าโลโก้ Apple จะโผล่ขึ้นมา แล้วค่อยปล่อย

iPhone 7 หรือ 7 Plus:

กดปุ่ม ลดเสียง กับปุ่ม Power (ด้านข้าง) ค้างไว้พร้อมกันจนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple

iPhone 6s หรือรุ่นเก่ากว่า (รวมถึง SE รุ่น 1):

กดปุ่ม โฮม กับปุ่ม Power (ด้านบนหรือด้านข้าง) ค้างไว้พร้อมกันจนโลโก้ Apple ขึ้นมา

2. ลองชาร์จแบตดูยัง?

ถ้าบังคับรีสตาร์ทแล้วไม่ติด อาจจะเป็นแค่แบตหมดเกลี้ยงแบบไม่รู้ตัว ลองเสียบสายชาร์จกับปลั๊กไฟโดยตรง ทิ้งไว้สักชั่วโมงนึง แล้วค่อยลองเปิดเครื่องใหม่อีกที

3. เคลียร์เมมด่วน! อาจจะเต็มอยู่ก็ได้

ถ้าเครื่องยังติดๆ ดับๆ หรือกลับมาค้างอีกหลังจากรีสตาร์ทแล้ว ให้ลองเช็กพื้นที่เก็บข้อมูลดูหน่อย เพราะถ้าเมมเต็มก็เป็นสาเหตุยอดฮิตเลย

ไปที่ Settings (ตั้งค่า) > General (ทั่วไป) > iPhone Storage (พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ iPhone)

ในหน้านี้จะมีบอกเลยว่าอะไรกินพื้นที่เราไปบ้าง ลองทำตามคำแนะนำของเครื่อง เช่น Offload Unused Apps (เอาแอปที่ไม่ได้ใช้ออก) หรือจะเลือกลบไฟล์/แอปที่ไม่ต้องการทิ้งไปเองก็ได้

4. ลบแอปตัวปัญหาทิ้งไป

สังเกตดูว่าเครื่องชอบค้างตอนเปิดแอปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า? ถ้าใช่ แอปนั้นอาจจะเป็นตัวปัญหา ลองลบแล้วติดตั้งใหม่ หรือถ้าไม่จำเป็นก็ลบทิ้งไปเลย

กดค้างที่ไอคอนแอปบนหน้าจอโฮม

เลือก Remove App (เอาแอปออก) > Delete App (ลบแอป) แล้วกดยืนยันอีกที

5. อัปเดต iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

ซอฟต์แวร์เก่าก็เป็นอีกสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้เครื่องรวน การอัปเดต iOS จะช่วยแก้ปัญหาบั๊กต่างๆ ได้เยอะเลย ถ้าเข้าเครื่องได้แล้วรีบอัปเดตด่วนๆ หรือถ้าเข้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องอัปเดตผ่านคอมพิวเตอร์

ใช้ Mac รุ่นใหม่ๆ (macOS Catalina ขึ้นไป):

เปิด Finder > เสียบไอโฟนเข้ากับ Mac > เลือกชื่อไอโฟนของเราตรงแถบด้านซ้าย > กด Check for Update (ตรวจสอบหารายการอัปเดต)

ใช้ PC หรือ Mac รุ่นเก่าๆ:

เปิด iTunes > เสียบไอโฟน > คลิกที่รูปไอคอนมือถือเล็กๆ > กด Summary (สรุป) > กด Check for Update (ตรวจสอบหารายการอัปเดต)

6. ถ้าไม่ไหวจริงๆ... ต้องใช้ท่าไม้ตายสุดท้าย (Factory Reset)

ย้ำ! ว่านี่คือวิธีสุดท้ายจริงๆ เพราะ ข้อมูลในเครื่องจะหายเกลี้ยง! เหมือนได้ไอโฟนเครื่องใหม่แกะกล่อง ก่อนทำวิธีนี้ต้องแน่ใจว่าได้ Back up ข้อมูลสำคัญ ไว้แล้วนะ (เช่น รูปภาพ, รายชื่อ, โน้ตต่างๆ) ถ้าตัดสินใจแล้วก็ไปที่ Settings (ตั้งค่า) > General (ทั่วไป) > Transfer or Reset iPhone (ถ่ายโอนหรือรีเซ็ต iPhone) > Erase All Content and Settings (ลบข้อมูลและการตั้งค่าทั้งหมด)


เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม ทันทุกเรื่องฮิต


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์