iPhone 16e เจอของแข็ง! ทำไมมันแพ้ให้แอนดรอยด์ราคากลางๆ


iPhone 16e เจอของแข็ง! ทำไมมันแพ้ให้แอนดรอยด์ราคากลางๆ


    iPhone 16e ถือเป็นไอโฟนที่ราคาถูกที่สุดในปี 2025 แต่ไอ้คำว่า "ถูก" นี่มันก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย เพราะเปิดมาที่ 21,900 บาท ซึ่งนี่ไม่ใช่ iPhone SE ที่เราคุ้นเคยแน่นอน มันคือ iPhone 16 รุ่นลดสเปก ที่ยังพยายามจะเนียนเป็นตัวคุ้มในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง

แต่ปัญหาคือ... มันสู้แอนดรอยด์รุ่นกลางในราคานี้ไม่ได้เลย!

ถึงแม้ว่าเราจะใช้ iPhone 16 Pro Max เป็นเครื่องหลักทุกวัน แต่ถ้ามีคนมาถามว่า "มี 21,900 บาท ควรซื้อ iPhone 16e ไหม?" ทางเราจะส่ายหน้าแรงๆ แล้วชี้ไปที่ตัวเลือกอื่น เช่น Samsung Galaxy A36 (14,900 บาท), Galaxy A56 (18,900 บาท), หรือ Pixel 8a (18,500 บาท) ที่ดูดีกว่าเยอะ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม iPhone 16e ถึงไม่ควรเป็นตัวเลือกแรก

60Hz ในปี 2025? ล้อกันเล่นหรือเปล่า

ในขณะที่สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ระดับกลางให้จอ 120Hz กันเป็นเรื่องปกติ Apple กลับยังยัด 60Hz มาให้ iPhone 16e แบบไม่เกรงใจใคร! บอกเลยว่าใครเคยใช้จอ 120Hz มาก่อน จะรู้ทันทีว่า 60Hz นี่มันช้าแค่ไหน ทุกการเลื่อนจอ การปัดแอป หรือเล่นเกม มันจะดูหน่วงๆ ไปหมด

Pixel 8a ราคา 18,500 บาท มีจอ 120Hz
Galaxy A36 ราคา 14,900 บาท ก็มีจอ 120Hz

แต่ iPhone 16e ราคา 21,900 บาท ยังให้ 60Hz อยู่... นี่มันปี 2025 แล้วนะ!

กล้องเดี่ยวในยุคที่กล้องคู่-กล้องสามตัวเป็นมาตรฐาน
Apple อาจจะโม้ว่ากล้อง 48MP ของ iPhone 16e นั้นเจ๋ง แต่ความจริงคือ... มันไม่ใช่เซ็นเซอร์ตัวเดียวกับ iPhone 16 หรือ 16 Pro ขนาดเซ็นเซอร์เล็กลง รับแสงได้น้อยกว่า แถมยังไม่มี OIS แบบ Sensor-Shift อีก

แย่กว่านั้นคือ มันมีกล้องเดียว! ในขณะที่คู่แข่งให้กล้องมาหลายตัว

Pixel 8a - กล้อง 64MP + 13MP Ultra-wide
Galaxy A36 - กล้อง 50MP + 8MP Ultra-wide + 5MP Macro

Apple น่าจะใจดีใส่กล้อง Ultra-wide 12MP มาให้ก็ยังดี แต่ดันตัดออกไปเลย ถ้าชอบถ่ายรูปหลากหลายมุม iPhone 16e นี่ลืมไปได้เลย

ไม่มีช่องใส่ซิม = ปัญหาตอนเดินทาง

Apple บังคับให้ iPhone 16e ใช้ eSIM เท่านั้น อย่างน้อยก็ในสหรัฐ ซึ่งอาจจะสะดวกสำหรับบางคน แต่สำหรับใครที่ชอบเดินทางบ่อยๆ ไปประเทศที่รองรับ eSIM ไม่เยอะ นี่เป็นปัญหาใหญ่เลย

ในขณะที่ Pixel 8a และ Galaxy A36 ยังมีช่องใส่ nano-SIM แถมบางรุ่นยังรองรับ Dual-SIM ให้ใช้งานได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องไปวิ่งหาค่ายที่รองรับ eSIM

อัปเดตซอฟต์แวร์ยาวๆ? Android ก็ทำได้แล้ว

เมื่อก่อน Apple ชนะขาดเรื่องการอัปเดตยาวนาน แต่ตอนนี้ Google และ Samsung เล่นใหญ่กว่า

Pixel 8a การันตีอัปเดต 7 ปี
Galaxy A36 อัปเดต 6 ปี
iPhone 16e ก็คงได้ประมาณ 5-6 ปี (ยังไม่มีประกาศชัดเจน)

ถ้าอยากได้มือถือที่ใช้งานยาวๆ Android รุ่นกลางก็ทำได้เหมือนกัน ไม่ต้องติด iPhone อีกต่อไป

โมเด็ม 5G ใหม่ของ Apple = ดรอปลงซะงั้น

Apple เปลี่ยนมาใช้โมเด็ม 5G ของตัวเองชื่อ Apple C1 แทน Qualcomm แต่ปัญหาคือ...

-มัน ไม่รองรับ 5G mmWave ซึ่งเป็น 5G ที่เร็วสุดๆ (โดยเฉพาะในสหรัฐ)
-มัน ไม่รองรับ Wi-Fi 6E หรือ Wi-Fi 7 ในขณะที่ Android หลายรุ่นในราคาเดียวกันให้ Wi-Fi 6E มาแล้ว

Pixel 8a (18,500 บาท) ยังรองรับ mmWave และ Wi-Fi 6E แต่ iPhone 16e ราคา 21,900 บาท กลับไม่ได้ ใครที่หวังใช้เน็ตเร็วๆ คงต้องคิดใหม่

สีมีให้เลือกน้อยจนน่าเบื่อ

โอเค เรื่องสีอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ทำไม iPhone 16e ถึงมีแค่ สีดำกับสีขาว? ขนาด iPhone SE ยังมีสีแดง Product Red มาให้เลย

ในขณะที่ Pixel 8a มี 4 สี (ดำ ขาว ฟ้า เขียว) และ Galaxy A36 ก็มีสีสันสดใส อย่างม่วงอ่อนและเขียวมะนาว iPhone 16e กลับมาพร้อมตัวเลือกสีที่น่าเบื่อสุดๆ

สรุป: จ่ายน้อยกว่า แต่ได้ของดีกว่า

ถ้าคุณมี 21,900 บาท และกำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่คุ้มสุด iPhone 16e ไม่ควรเป็นตัวเลือกแรก เพราะมันตัดสเปกไปเยอะเกิน

Android ฝั่ง Google และ Samsung ให้ของที่ดีกว่าในราคาถูกกว่า

Galaxy A36 (14,900 บาท) = ได้จอ 120Hz, กล้อง 3 ตัว, ซิม 2 ช่อง, อัปเดต 6 ปี
Pixel 8a (18,500 บาท) = จอ 120Hz, กล้องคู่, รองรับ 5G mmWave, อัปเดต 7 ปี

แต่ iPhone 16e ราคา 21,900 บาท กลับให้ 60Hz, กล้องเดี่ยว, ไม่มี mmWave, ไม่มีช่องซิม ใครคิดว่า Apple ควรจะให้ของดีกว่านี้บ้าง?


พูดง่ายๆ คือ ถ้าคุณซื้อ iPhone 16e ในปี 2025 คุณกำลังจ่ายแพงขึ้น แต่ได้ของที่แย่กว่าคู่แข่ง!



iPhone 16e เจอของแข็ง! ทำไมมันแพ้ให้แอนดรอยด์ราคากลางๆ


iPhone 16e เจอของแข็ง! ทำไมมันแพ้ให้แอนดรอยด์ราคากลางๆ


iPhone 16e เจอของแข็ง! ทำไมมันแพ้ให้แอนดรอยด์ราคากลางๆ

เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม ทันทุกเรื่องฮิต


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์